วันที่ 21 มกราคม 2568
นายนิยม สุวรรณประภา
หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) เปิดเผยว่า ด้วยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 มีมติรับทราบและเห็นชอบให้
เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่แสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม
เบื้องต้น จำนวน 16,794 ราย และที่แจ้งเพิ่มเติมภายหลัง ที่ได้ขึ้นทะเบียนหนี้ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนฟื้นฟู
และพัฒนาเกษตรกร ถูกต้องครบถ้วนแล้วและเป็นหนี้ NPL ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ให้ได้สิทธิเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคาร
ของรัฐ 4 แห่ง เพื่อทดแทนเกษตรกรตามกลุ่มเป้าหมายเดิมที่ไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน 15,481,657,199.77 บาท ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 และจังหวัดเชียงราย มีเกษตรกรได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ สถาบันเจ้าหนี้ ธ.ก.ส. จำนวน 46 ราย
ทั้งนี้สำนักงาน กฟก.จังหวัดเชียงราย ได้ประสานแจ้งให้เกษตรกรตามรายชื่อ จำนวน 46 ราย ดำเนินการยื่นแบบเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 สถาบันเจ้าหนี้ ธ.ก.ส. ณ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ชั้น 1 โดยกำหนดให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 27 มกราคม 2568 เพื่อส่งมอบให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการจัดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ฯ ให้เกษตรกร ตามขั้นตอนต่อไป
“โดยคณะรัฐมนตรี ได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 เห็นชอบในหลักการ การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยให้เกษตรกรทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้เดิม และให้เกษตรกรทำสัญญาผ่อนชำระเงินต้นคงค้างครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50) ตามระยะเวลาที่ตกลงกันแต่ไม่เกิน 15 ปี โดยไม่เสียดอกเบี้ย สำหรับการชดเชยเงินต้นร้อยละ 50 และดอกเบี้ยในส่วนที่เกษตรกรไม่ต้องรับภาระ และค่าใช้จ่ายต่างๆ รัฐบาลจะรับภาระจัดสรรชดเชยให้กับธนาคารฯ เมื่อเกษตรกรได้ชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว”นายนิยม กล่าว